องค์ประกอบในการออกแบบ
( DESIGN ELEMENTS )
สาระการนำเสนอ
1. จุด(Point)
2. เส้น(Line)
๓. ทิศทาง(DIRECTION)
4. รูปทรง(FORM)
5. เทคนิคการกลับพื้นภาพมีผลต่อสายตาผู้ดู
6. ขนาดและสัดส่วน(Size & Scale)
7.วัสดุและพื้นผิว( Material and Texture)
8. การจัดองค์ประกอบ (Composition)
8. 1 ความสมดุล (Balance)
8.2 การเน้นให้เกิดจุดเด่น (Emphasis)
8.3 เอกภาพ (Unity)
8.4 ความกลมกลืน (Harmony)
8.5 ความขัดแย้ง (Contrast)
8.6 จังหวะ (Rhythm)
1. จุด (Point) จะเป็นจุดที่ชี้ให้เห็น ตำแหน่งในที่ว่าง หรือที่ต่างๆ
ไม่มีความกว้าง ความยาว ความลึก จุดให้ความรู้สึกคงที่ ไม่มีทิศทาง
ไม่ครอบคลุมพื้นที่ จุดจะเกิดอยู่ในบริเวณต่างๆ
2. เส้น (Line)เส้นเกิดจากการนำจุดหลาย ๆ จุดมาเรียงต่อกัน
หรือเกิดจากจุดเคลื่อนที่ เส้นทางที่จุดเคลื่อนที่ไปคือ เส้น มีความยาว
ไม่มีความกว้างหรือความหนามาก การกำหนดทิศทางของเส้นให้อยู่ใน
แนวที่ต่างกัน จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ดูมั่นคง บางครั้งดูเคลื่อนไหว และ
เจริญงอกงาม เติบโต
เช่น
-เส้นตั้ง (Vertical Line) ให้ความรู้สึกสูงสง่า แข็งแรง
มั่นคง ถ้าสูงมาก ๆ ก็จะให้ความ รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่จะบอกความเติบโต ถ้านำ
มาประยุกต์ในการแต่งกาย โดยใส่เสื้อ ลายแนวเส้นตั้งฉาก แนวดิ่ง จะช่วยให้ดูสูง
ขึ้น และถ้าออกแบบให้ดูผอมลง อาจใช้เพียง2-3 เส้น
-เส้นนอน (Horizontal Line)ให้ความรู้สึกสงบ ราบเรียบ แน่นอน มั่นคง ปลอดภัย
ความนิ่ง พักผ่อนเป็นธรรมชาติ
-เส้นเฉียง (Oblique Line) ให้ความรู้สึกไม่มั่นคงไม่ปลอดภัย ตื่นต้น สนุกสนานแสดง
การเคลื่อนที่ ไม่อยู่นิ่ง เส้นโค้ง (Curve) จะให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว นุ่มนวล อ่อนหวาน
เชื่องช้า กระชับและเป็นอันหนึ่งอันเดียว เส้นกระจาย เป็นเส้นที่ออกจากจุดศูนย์กลาง
ให้ความรู้สึก มีพลังกระปรี้กระเปร่า สร้างสรรค์ เดินทางออกไปทุกทิศพร้อมๆกัน พองออก
แตกตัว เส้นลักษณะอื่นๆ เช่น เส้นหยัก เส้นประ เส้นจุดผสมเส้นประ ต่างก็ให้ความรู้แตกต่างกันออกไป
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า จะนำไปประกอบกับรูปอะไร
3. ทิศทาง (DIRECTION)ทิศทาง คือ ลักษณะที่แสดงให้รู้ว่า รูปแบบทั้งหมดมีแนวโน้มไป
ทางใด ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกว่า มีการเคลื่อนไหว (Movement) นำไปสู่จุดสนใจ
4. รูปทรง (FORM)เกิดจากระนาบที่ปิดล้อมกันทำให้เกิดปริมาตร (Volume) มี 3 มิติ คือ
ความกว้าง ความยาว และความสูง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ รูปทรงเรขาคณิตและรูปทรง
ธรรมชาติ
1. รูปทรงเรขาคณิต ( Geometric Form ) เป็นรูปทรงที่มีด้านแต่ละด้านคล้ายกัน มีความ
สัมพันธ์กันอย่างเป็นระเบียบ มีแกนที่สมดุล มักจะประกอบด้วยเส้นตรงและเส้นโค้ง ที่มีแบบแผน
ได้แก่ 2. รูปทรงธรรมชาติ ( Original Form) มักจะประกอบด้วยเส้นโค้ง (Curves) เส้นอิสระ ทั้งอยู่ในลักษณะสมดุลและไม่สมดุล รูปทรงธรรมชาติจะให้ความรู้สึกอ่อนไหว 3. รูปทรงอิสระ (Free Form)
รูปด้านแต่ละด้านมักจะไม่สัมพันธ์กัน ไม่มีความสมดุล ไม่เป็นระเบียบ ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวได้
การเปลี่ยนแปลงรูปทรง เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อความลงตัว ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ หรือมีรูปทรงใหม่ในเชิงเพิ่ม ลดปริมาตร การแยกส่วน การเจาะทะลุเป็นต้น เช่น
เทคนิคการกลับพื้นภาพมีผลต่อสายตาผู้ดู จากการออกแบบกลับพื้นภาพ ทำให้เกิดการสร้างสรรค์งาน เป็นสัญลักษณ์ (Logo) และเป็นที่นิยม เพราะมีความแปลกใหม่ น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีผลของการมองเห็นว่า ภาพสีขาวที่อยู่ในพื้นสีดำ จะทำให้ดูโตขึ้น 10-15 % เทคนิคนี้นิยมนำไปใช้ทำตัวอักษรพาดหัวข่าวสำคัญในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์
ตัวอย่างสัญลักษณ์ (Logo) ที่กลับพื้นหรือใช้เทคนิค ส่วนสีขาวในสีดำ
( ภาพสัญลักษณ์ มาจากหนังสือ โลโก้ สำนักพิมพ์สุขภาพใจ 2542 )
ขนาดและสัดส่วน (Size & Scale)ขนาด (Size) ขนาด คือ การเปรียบเทียบรูปร่างหรือรูปทรง การวัดสัดส่วน
ระยะหรือขอบเขต ของรูปร่างนั้นๆ
สัดส่วน (Scale) สัดส่วน คือ ความเหมาะสมของสิ่งของตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป
มีความสัมพันธ์กัน การหาความสัมพันธ์ของขนาดและสัดส่วนในการออกแบบ
ต้องคำนึงถึงขนาดและสัดส่วนของผู้ใช้และกิจกรรมภายในเป็นหลัก
ในงานออกแบบโดยทั่วไป มีหลักเกี่ยวกับขนาดและสัดส่วนดังนี้- ขนาดที่แตกต่างกัน จะให้ความรู้สึกขัดกัน (Contrast)
- ขนาดใกล้เคียงกัน ให้ความรู้สึกกลมกลืนกัน (Harmony)
- ความแตกต่างของขนาดทำให้เกิดความรู้สึกเคลื่อนไหว (Dynamic)
วัสดุและพื้นผิว ( Material and Texture )วัสดุ (Material) วัสดุ คือ วัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการออกแบบ โดยเลือก
ความเหมาะสม ตรงตามลักษณะของงาน ถ้าทำลงบนกระดาษวาดเขียน
อาจเป็นรูปลอกลวดลายต่างๆแบบทึบแสง ถ้าทำลงบนแผ่นโปร่งใสก็ใช้
รูปหรืออักษรลอกแบบสีโปร่งแสง เป็นต้น
พื้นผิว (Texture) พื้นผิว คือ ลักษณะเฉพาะ ที่เกิดจากโครงสร้างของวัสดุ
อาจนำวัตถุดิบหลาย ๆ อย่างมา สร้างให้เกิดพื้นผิวใหม่ หรือความรู้สึกใน
การแยก จำแนกความเรียบความขรุขระ ความแตกต่างของพื้นผิวในทาง
กราฟิก สามารถแยกออกได้ด้วยประสาทสัมผัส ทางตา เป็นส่วนใหญ่ พื้นผิว
ที่แตกต่างกันจะให้ความรู้สึกต่างกัน เช่น
ผิวขรุขระ ให้ความรู้สึกปลอดภัยมั่นคง แข็งแรง สาก สะดุด หยาบ ระคายเคือง ในบางสถานะทำให้ดูเล็กกว่าความจริง เช่น ผิวขรุขระของกำแพงที่ก่อด้วยศิลาแลงหรือหิน กาบ จะดูแข็งแรงบึกบึน ในการสร้างงานกราฟิกลงบนกระดาษ เช่น รูปหลังคาบ้านลายสังกะสี กระเบื้องลอนแบบต่างๆ ผนังตึก
ซึ่งลวดลาย ขรุขระ เหล่านี้จะนำมาจากแผ่นรูปลอก ซึ่งใน ปัจจุบันใช้ลวดลายสำเร็จรูปจาก
คอมพิวเตอร์ ผิวเรียบมัน ให้ความรู้สึกไม่มั่นคง ลื่น หรูหรา วาบหวาม สดใส แสงสะท้อน ในบางสถานะทำให้ดูใหญ่กว่าปกติ เช่น ผนังตึกที่ฉาบปูนเรียบหรืออาคารที่เป็นกระจกทั้งหลัง จะดูเปราะบาง แวววาว ตัวอย่างงานกราฟิกที่ต้องการความเป็นมันวาว ที่ใช้เทคนิคแผ่นรูปลอกที่มีลายไล่โทนสำเร็จรูป
ตัวอย่างภาพกราฟิกที่สร้างความเป็นมันวาวด้วย เทคนิคพู่กันลม(airbrush) ผสมกับการวาดด้วยมือ
ระนาบ (Plane)ระนาบ คือ เส้นที่ขยายออกไปในทางเดียวกัน จนเกิดเป็นพื้นที่ขึ้นมา แบ่งได้ดังนี้ 1. Overhead plane ระนาบที่อยู่เหนือศีรษะอยู่ข้างบน ให้ความรู้สึกปลอดภัย เหมือนมีหลังคาคลุม มีสิ่งปกป้องจากด้านบน 2. Vertical plane ระนาบแนวตั้ง หรือตัวปิดล้อม
การจัดองค์ประกอบ(Composition) 1. ความสมดุล (Balance) คือ ความเท่ากันหรือเท่าเทียมกันทั้งสองข้าง แบ่งออกเป็น สมดุลแบบทั้ง2 ข้างเหมือนกัน(Symmetrical balance) ทั้งซ้ายขวาเหมือนกันการสมดุลแบบนี้จะทาให้ดูมั่นคงหนักแน่นยุติธรรมเช่นงานราชการใบวุฒิบัตรประกาศนียบัตรการถ่ายรูปติดบัตรเป็นต้น
สมดุลแบบ 2 ข้างไม่เหมือนกัน (Asymmetrical balance) ด้านซ้ายและขวาจะไม่เหมือนกัน แต่มองดูแล้วเท่ากันด้วยน้าหนักทางสายตา เช่น สมดุลด้วยน้าหนักและขนาดของรูปทรง ด้วยจุดสนใจ ด้วยจานวนด้วยความแตกต่างของรายละเอียด ด้วยค่าความเข้ม-จางของสี เป็นต้น
2. การเน้นให้เกิดจุดเด่น (Emphasis)
ในการออกแบบจะประกอบด้วยจุดสำคัญหรือส่วนประธานในภาพจุดรองลงมาหรือส่วนรองประธานส่วนประกอบหรือพวกรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ
หลักและวิธีในการใช้การเน้น
-เน้นด้วยการใช้หลักเรื่องContrast
เน้นด้วยการประดับ-เน้นด้วยการจัดกลุ่มในส่วนที่ต้องการเน้น-เน้นด้วยการใช้สี-เน้นด้วยขนาด-เน้นด้วยการทาจุดรวมสายตา
เน้นด้วยการจัดกลุ่มในส่วนที่ต้องการเน้น
-เน้นด้วยการใช้สี
-เน้นด้วยขนาด
-เน้นด้วยการทาจุดรวมสายตา
3. เอกภาพ (Unity)ความเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นกลุ่มเป็นก้อน โดยที่องค์ประกอบภายในต้องกลมกลืนกันมี 2 แบบคือ
เอกภาพแบบหยุดนิ่ง(Static unity) โดยใช้รูปทรงเรขาคณิตทาให้เกิดลักษณะหนักแน่น
เอกภาพแบบเคลื่อนไหว (Dynamic unity) ใช้รูปทรงหรือรูปร่างแบบธรรมชาติทาให้เคลื่อนไหวสนุกสนาน
4. ความกลมกลืน (Harmony)การจัดองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกันหรือคล้ายๆกันมาจัดภาพทาให้เกิดความนุ่มนวลกลมกลืนกันมี3 แบบคือ 4.1 กลมกลืนในด้านประโยชน์ใช้สอย คือ
ทาให้เป็นชุดเดียวกัน 4.2 กลมกลืนในความหมาย เช่น การออกแบบเครื่องหมายการค้า& โลโก้ 4.3 กลมกลืนในองค์ประกอบ ได้แก่
4.3.1 กลมกลืนด้วยเส้น-ทิศทาง
4.3.2 กลมกลืนด้วยรูปทรง-รูปร่าง
4.3.3 กลมกลืนด้วยวัสดุ
4.3.4 พื้นผิว 4.3.5 กลมกลืนด้วยสี มักใช้โทรสีที่ใกล้กัน
4.3.6 กลมกลืนด้วยขนาด-สัดส่วน
4.3.7 กลมกลืนด้วยน้าหนัก
5. ความขัดแย้ง (Contrast) การจัดองค์ประกอบให้เกิดความแตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจหรือให้เกิดความสนุกตื่นเต้นน่าสนใจลดความเรียบน่าเบื่อให้ความรู้สึกฝืนใจขัดใจแต่ชวนมอง
6. จังหวะ(Rhythm) จังหวะเกิดจากการต่อเนื่องกันหรือซ้าซ้อนกันจังหวะที่ดีทาให้ภาพดูสนุกเปรียบได้กับเสียงเพลงอันไพเราะในด้านการออกแบบแบ่งจังหวะเป็น3 แบบคือ
6.1 จังหวะแบบเหมือนกันซ้าๆกันเป็นการนาเอาองค์ประกอบหรือรูปที่เหมือนๆกันมาจัดวางเรียงต่อกันทาให้ดูมีระเบียบ(Order) เป็นทางการการออกแบบลายต่อเนื่องเช่นลายเหล็กดัดลายกระเบื้องปูพื้นหรือผนังลายผ้าเป็นต้น
6.2 จังหวะสลับกันไปแบบคงที่ เป็นการนาองค์ประกอบหรือรูปที่ต่างกันมาวางสลับกันอย่างต่อเนื่องเป็นชุดเป็นช่วงให้ความรู้สึกเป็นระบบสม่าเสมอความแน่นอน
6.3 จังหวะสลับกันไปแบบไม่คงที่ เป็นการนาองค์ประกอบหรือรูปที่ต่างกันมาวางสลับกัน อย่างอิสระ ทั้งขนาด ทิศทาง ระยะห่าง ให้ความรู้สึกสนุกสนาน
6.4 จังหวะจากเล็กไปใหญ่หรือจากใหญ่ไปเล็ก เป็นการนารูปที่เหมือนกัน มาเรียงต่อกัน แต่มีขนาดต่างกันโดยเรียงจากเล็กไปใหญ่หรือจากใหญ่ไปเล็กอย่างต่อ เนื่องทาให้ภาพมีความลึก มีมิติ
7. ความง่าย (Simlicity)
เป็นการจัดให้ดูโล่งสบายตาไม่ยุ่งยากซับซ้อนมีมโนทัศน์เดียวลดการมีฉากหลังหรือภาพประกอบอื่นๆที่ไม่จาเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องออกไปเพราะการมีฉากหลังรกทาให้ภาพหลักไม่เด่นนิยมใช้ในการถ่ายภาพที่ปรับฉากหลังให้เบลอเป็นภาพเกี่ยวกับดอกไม้แมลงสัตว์และบุคคลนางแบบเป็นต้น
8. ความลึก (Perspective) ให้ภาพดูสมจริงคือภาพวัตถุใดอยู่ใกล้จะใหญ่ถ้าอยู่ไกลออกไปจะมองเห็นเล็กลงตามลาดับจนสุดสายตาซึ่งมีมุมมองหลักๆอยู่3 ลักษณะคือวัตถุอยู่สูงกว่าระดับตาวัตถุอยู่ในระดับสายตาและวัตถุอยู่ต่ากว่าระดับสายตา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น